หินปูนในเต้านมคืออะไร
บทความโดย รศ.พญ.เยาวนุช คงด่าน
หินปูน หรือ Calcification เราจะมองเห็นจากการทำแมมโมแกรม เห็นเป็นจุดสีขาวๆ ซึ่งหินปูนเหล่านี้ มักจะมองไม่เห็นในอัลตราซาวด์และไม่เห็นในการทำ MRI
หินปูนที่เห็นในแมมโมแกรม ไม่มีความเกี่ยวข้องกับอาหารหรือแคลเซี่ยมที่กิน ไม่สามารถเปลี่ยนหรือพัฒนาไปเป็นมะเร็งได้ เราเห็นหินปูนก็เหมือนเราเห็นร่องรอยที่จะบอกว่าบริเวณนั้นอาจจะมีอะไร เปรียบเช่น เราเห็นรอยเท้า ก็มาสืบเสาะกันว่าเป็นรอยเท้าของอะไร เช่น รอยเท้าคน รอยเท้าแมว รอยเท้าสุนัข รอยเท้าเสือ ซึ่งในสัตว์แต่ละอย่างก็มีรูปแบบแตกต่างกันไป แต่รอยเท้าไม่สามารถเปลี่ยนเป็นสัตว์ชนิดนั้นได้ ต้องมีสัตว์ก่อนจึงจะมีรอยเท้า หินปูนที่เห็นในเต้านม ก็เช่นเดียวกัน
ต่อมน้ำนม มีหน้าที่ในการผลิตน้ำนม แม้ไม่มีการตั้งครรภ์ก็มีการผลิตน้ำนม ในน้ำนมจะมีแคลเซี่ยมอยู่ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของต่อมน้ำนมอาจทำให้เกิดหินปูนสะสมในเต้านมได้ หากมีการตายของเซลล์ก็ทำให้เกิดการสะสมของหินปูนในบริเวณดังกล่าวได้ สาเหตุของหินปูน แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ
ลักษณะหินปูนที่สงสัยมะเร็ง จะมีขนาดเล็กกว่า 0.5 มม. มีรูปร่างขนาดแตกต่างกัน เรียงตัวเป็นกลุ่มๆ หรือเรียงตัวตามลักษณะท่อน้ำนม หลายๆคนมักกังวลว่าหินปูนจะใหญ่ขึ้น น่ากลัวมั้ย หินปูนยิ่งมีขนาดใหญ่ ยิ่งไม่น่ากังวล แต่ถ้าเจอหินปูนเม็ดเล็กๆ โดยเฉพาะที่เล็กกว่า 0.5 มม. อยู่เป็นกลุ่มๆ อันนี้ต้องระวังว่าอาจเป็นหินปูนที่เกิดจากมะเร็งเต้านมได้ ดังนั้นการทำแมมโมแกรม เป็นการตรวจที่สำคัญ เพราะหินปูนเหล่านี้ จะเห็นจากแมมโมแกรมเป็นหลัก นอกจากนี้เครื่องแมมโมแกรมต้องมีความคมชัดที่สูงมาก จอคอมพิวเตอร์ที่แพทย์ใช้ดูภาพ ก็ต้องมีความละเอียดสูง จอคอมพิวเตอร์ทั่วไปอาจมองไม่เห็น และแพทย์ต้องมีความละเอียดรอบคอบในการค้นหาหินปูนเม็ดเล็กๆ เหล่านี้
เมื่อแพทย์พบว่ามีหินปูนผิดปกติจากการทำแมมโมแกรมก็จะทำการเจาะตรวจชิ้นเนื้อว่าหินปูนนั้นเกิดจากมะเร็งเต้านมหรือไม่ ซึ่งทำให้เราสามารถตรวจวินิจฉัยมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะเห็นก้อนมะเร็ง