รศ.พญ.เยาวนุช คงด่าน
การรักษามะเร็งเต้านมมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบัน การผ่าตัดสงวนเต้านมร่วมกับการฉายแสงในห้องผ่าตัด (Intraoperative Radiation Therapy: IORT) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีข้อดีหลายประการที่ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
การผ่าตัดสงวนเต้านม
การผ่าตัดสงวนเต้านมเป็นการตัดเฉพาะก้อนมะเร็งและเนื้อเยื่อรอบข้างออกไป โดยคงรูปทรงของเต้านมไว้ให้ได้มากที่สุด หลังจากนั้นผู้ป่วยจะได้รับการฉายแสงเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งที่อาจหลงเหลืออยู่ การฉายแสงมักใช้วิธี Whole Breast Radiation (WBR) โดยฉายแสงครอบคลุมทั้งเต้านมประมาณ 20-25 ครั้ง นอกจากนี้ อาจมีการฉายแสงเพิ่มเติม (Boost Radiation) บริเวณตำแหน่งมะเร็งอีก 1-2 สัปดาห์
การฉายรังสีระหว่างการผ่าตัด (Intraoperative radiotherapy: IORT)
การฉายรังสีระหว่างการผ่าตัด (Intraoperative radiotherapy: IORT) เป็นเทคนิคการฉายแสงเฉพาะที่ในระหว่างการผ่าตัด โดยใช้เครื่องฉายแสง Intrabeam ซึ่งมีให้บริการในประเทศไทย 2 โรงพยาบาล มี 2 รุ่น คือ รุ่น Intrabeam 500 และ Intrabeam 600 สำหรับโรงพยาบาลนมะรักษ์ เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดคือ Intrabeam 600

ข้อดีของการฉายแสงในห้องผ่าตัด (IORT)
ประสิทธิภาพสูงและแม่นยำ: สามารถฉายแสงได้ทันทีหลังการผ่าตัด ทำให้รังสีส่งตรงไปยังบริเวณที่ต้องการอย่างแม่นยำ เพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดเซลล์มะเร็งที่อาจหลงเหลืออยู่
ลดความถี่ในการฉายแสงหลังผ่าตัด: ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องกลับมาโรงพยาบาลบ่อยครั้งเพื่อฉายแสงเพิ่มเติม ช่วยลดความยุ่งยากในชีวิตประจำวันและประหยัดเวลา
ป้องกันเนื้อเยื่อปกติ: เครื่อง Intrabeam เน้นฉายรังสีเฉพาะบริเวณที่เป็นมะเร็ง ทำให้เนื้อเยื่อปกติโดยรอบได้รับผลกระทบน้อย ช่วยลดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
ฟื้นตัวเร็ว: การลดจำนวนครั้งในการฉายแสงหลังผ่าตัด ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้เร็วกว่าการรักษาแบบดั้งเดิม
เสริมสร้างความมั่นใจ: การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจและลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการรักษา
ผู้ที่เหมาะสมกับการรักษาด้วย IORT: IORT เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้น ที่มะเร็งยังไม่แพร่กระจายออกนอกบริเวณเต้านม การตัดสินใจใช้ IORT ต้องผ่านการประเมินร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดของก้อนมะเร็ง ตำแหน่ง และลักษณะทางพยาธิวิทยา การผ่าตัดสงวนเต้านมร่วมกับ IORT จะเป็นทางเลือกที่ดีในการรักษา ช่วยให้ผู้ป่วยรักษาภาพลักษณ์และความมั่นใจไว้ได้
ขั้นตอนการผ่าตัดและฉายแสงในห้องผ่าตัดด้วยเครื่อง Intrabeam 600
การใช้ Intraoperative Radiation Therapy (IORT) ด้วยเครื่อง Intrabeam 600 เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการรักษามะเร็งเต้านมแบบสงวนเต้า (Breast-Conserving Surgery: BCS) ขั้นตอนการผ่าตัดและการฉายแสง หลังจากตัดก้อนมะเร็งออกแล้ว แพทย์จะวางแผ่นตะกั่วหรือวัสดุรองที่ก้นแผล เพื่อป้องกันไม่ให้รังสีกระทบต่ออวัยวะในทรวงอก เช่น ปอดและหัวใจ นำเครื่อง Intrabeam 600 มาฉายแสงบริเวณโพรงแผลผ่าตัด ใช้เวลาฉายแสงประมาณ 30-45 นาที โดยรังสีจะถูกส่งตรงไปยังบริเวณที่มีความเสี่ยงสูงในการกลับเป็นซ้ำของมะเร็ง แผ่นตะกั่วหรือวัสดุรองที่ก้นแผลจะช่วยป้องกันไม่ให้รังสีกระทบต่อเนื้อเยื่อและอวัยวะที่อยู่ลึกลงไปในทรวงอก รวมเวลาทั้งหมดของการผ่าตัดและฉายแสงประมาณ 2-3 ชั่วโมง
ผลการวิจัยสนับสนุนประสิทธิภาพของ IORT:
1. TARGIT A: การศึกษาของ TARGIT A (Targeted Intraoperative Radiotherapy) เป็นการศึกษาที่สำคัญในการประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการฉายแสงเฉพาะจุดในห้องผ่าตัด (IORT) ในผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดแบบสงวนเต้านม ผู้ป่วยที่เหมาะสมสำหรับการรักษาด้วยวิธีนี้ ได้แก่
ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยต้องอยู่ในระยะที่มะเร็งยังไม่แพร่กระจายออกนอกบริเวณเต้านม
อายุมากกว่า 45 ปี: การศึกษา TARGIT A เน้นการใช้ IORT กับผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 45 ปี เนื่องจากกลุ่มผู้ป่วยนี้มีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อการรักษาได้ดีและมีความเสี่ยงต่ำกว่าในการกลับเป็นซ้ำของมะเร็ง
ก้อนมะเร็งขนาดเล็ก: ขนาดของก้อนมะเร็งต้องไม่เกิน 3.5 ซม. เพื่อให้สามารถฉายแสงเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มะเร็งชนิดไม่ดุ: มะเร็งต้องเป็นชนิดที่ไม่ดุ (non-aggressive type) ซึ่งหมายถึงมะเร็งที่มีการเจริญเติบโตช้าและมีแนวโน้มที่จะไม่แพร่กระจายเร็ว
มีตัวรับฮอร์โมนเป็นบวก: มะเร็งต้องมีตัวรับฮอร์โมนเป็นบวก (hormone receptor-positive) ซึ่งหมายถึงมะเร็งที่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยฮอร์โมน
ไม่มีการแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลือง: ผู้ป่วยที่มีการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังต่อมน้ำเหลืองจะไม่เหมาะสมสำหรับการรักษาด้วย IORT เนื่องจากความเสี่ยงในการกลับเป็นซ้ำและการแพร่กระจายของมะเร็งมีมากขึ้น
ศึกษาในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น เปรียบเทียบการรักษาด้วย IORTอย่างเดียว เทียบกับการฉายแสงแบบดั้งเดิม ผลการติดตาม 10 ปี
· อัตราการกลับเป็นซ้ำ IORT 2.1% vs การฉายแสงแบบดั้งเดิม 1.1%
· อัตราการรอดชีวิต 5 ปี: IORT 93.9% vs การฉายแสงแบบดั้งเดิม 92.9%
· สรุป: IORT ในการศึกษา TARGIT A มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการฉายแสงแบบดั้งเดิม
TARGIT B:
การศึกษา TARGIT B (Targeted Intraoperative Radiotherapy Boost) เป็นการวิจัยที่สำคัญในการประเมินประสิทธิภาพของการใช้ Intraoperative Radiotherapy (IORT) เป็นการฉายแสงแบบบูสต์ (Boost) ในการรักษามะเร็งเต้านมระยะลุกลามปานกลาง โดยมีการเปรียบเทียบกับการฉายแสงภายนอกแบบดั้งเดิม (External Beam Radiotherapy: EBRT) เพื่อประเมินประสิทธิภาพของ IORT เมื่อใช้เป็นการฉายแสงแบบบูสต์ร่วมกับการฉายแสงภายนอก เปรียบเทียบกับการใช้การฉายแสงภายนอกแบบดั้งเดิมเพียงอย่างเดียว
กระบวนการรักษา
1. กลุ่ม IORT Boost: ผู้ป่วยได้รับการฉายแสงแบบ IORT เป็นการบูสต์ที่ตำแหน่งมะเร็งขณะทำการผ่าตัด จากนั้นได้รับการฉายแสงภายนอก (EBRT) ครอบคลุมทั้งเต้านม
2. กลุ่ม EBRT แบบดั้งเดิม: ผู้ป่วยได้รับการฉายแสงภายนอกแบบดั้งเดิมเพียงอย่างเดียว ครอบคลุมทั้งเต้านม
ผลลัพธ์ของการศึกษา
อัตราการกลับเป็นซ้ำ: กลุ่ม IORT Boost: 3.3% กลุ่ม EBRT แบบดั้งเดิม: 2.6% ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าการกลับเป็นซ้ำในกลุ่ม IORT Boost สูงกว่าเล็กน้อย แต่ไม่มีความแตกต่างกันทางนัยสำคัญทางสถิติ
อัตราการรอดชีวิต 5 ปี: กลุ่ม IORT Boost: 89.6% กลุ่ม EBRT แบบดั้งเดิม: 88.8% อัตราการรอดชีวิตในกลุ่ม IORT Boost สูงกว่าเล็กน้อย แต่ไม่มีความแตกต่างกันทางนัยสำคัญทางสถิติ
สรุป การใช้ IORT เป็นการฉายแสงแบบบูสต์ร่วมกับการฉายแสงภายนอกให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลามปานกลาง อัตราการกลับเป็นซ้ำและอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยในกลุ่ม IORT Boost ใกล้เคียงกับการฉายแสงภายนอกแบบดั้งเดิม
TARGIT E:
การศึกษา TARGIT E (Targeted Intraoperative Radiotherapy for Elderly Patients) มุ่งเน้นในการประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการใช้ Intraoperative Radiotherapy (IORT) สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมสูงอายุที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยมีการเปรียบเทียบกับการฉายแสงภายนอกแบบดั้งเดิม (External Beam Radiotherapy: EBRT) เพื่อประเมินประสิทธิภาพของ IORT เมื่อใช้เป็นวิธีการรักษาเดียวในผู้ป่วยสูงอายุที่มีความเสี่ยงต่ำ เปรียบเทียบกับการใช้การฉายแสงภายนอกแบบดั้งเดิม ข้อสรุปที่สำคัญจากการศึกษานี้มีดังนี้:
· อัตราการกลับเป็นซ้ำ: กลุ่ม IORT: 1.5% กลุ่ม EBRT แบบดั้งเดิม: 1.3% ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าการกลับเป็นซ้ำในกลุ่ม IORT ต่ำกว่าเล็กน้อย แต่ไม่มีความแตกต่างกันทางนัยสำคัญทางสถิติ
· อัตราการรอดชีวิต 5 ปี: กลุ่ม IORT: 94.2% กลุ่ม EBRT แบบดั้งเดิม: 94.5% อัตราการรอดชีวิตในกลุ่ม IORT ใกล้เคียงกับกลุ่ม EBRT แบบดั้งเดิม
3. การศึกษา TARGIT-US (Targeted Intraoperative Radiotherapy in the United States)
ประเมินประสิทธิภาพของ IORT ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในสหรัฐอเมริกา อัตราการกลับเป็นซ้ำ: ต่ำกว่า 2% ในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วย IORT ผลข้างเคียง: ผลข้างเคียงน้อยกว่าและการฟื้นตัวเร็วกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการฉายแสงภายนอก
สรุป
โรงพยาบาลนมะรักษ์ได้นำเทคโนโลยี Intraoperative Radiotherapy (IORT) ด้วยเครื่อง Intrabeam 600 โดยทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด หากมีคำถามหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ IORT หรือการรักษามะเร็งเต้านม สามารถปรึกษาแพทย์ได้โดยตรงบเป็นซ้ำ: กลุ่ม IORT: 1.5% กลุ่ม EBRT แบบดั้งเดิม: 1.3% ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าการกลับเป็นซ้ำในกลุ่ม IORT ต่ำกว่าเล็กน้อย แต่ไม่มีความแตกต่างกันทางนัยสำคัญทางสถิติ
· อัตราการรอดชีวิต 5 ปี: กลุ่ม IORT: 94.2% กลุ่ม EBRT แบบดั้งเดิม: 94.5% อัตราการรอดชีวิตในกลุ่ม IORT ใกล้เคียงกับกลุ่ม EBRT แบบดั้งเดิม
3. การศึกษา TARGIT-US (Targeted Intraoperative Radiotherapy in the United States)
ประเมินประสิทธิภาพของ IORT ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในสหรัฐอเมริกา อัตราการกลับเป็นซ้ำ: ต่ำกว่า 2% ในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วย IORT ผลข้างเคียง: ผลข้างเคียงน้อยกว่าและการฟื้นตัวเร็วกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการฉายแสงภายนอก
สรุป
โรงพยาบาลนมะรักษ์ได้นำเทคโนโลยี Intraoperative Radiotherapy (IORT) ด้วยเครื่อง Intrabeam 600 โดยทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด หากมีคำถามหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ IORT หรือการรักษามะเร็งเต้านม สามารถปรึกษาแพทย์ได้โดยตรง
Comments