top of page

ยาคุมกำเนิดกับความเสี่ยงมะเร็งเต้านม

ยาคุมกำเนิดกับความเสี่ยงมะเร็งเต้านม:

ความสัมพันธ์ระหว่างยาคุมกำเนิดและความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมเป็นหัวข้อที่ได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนอาจเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมได้เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของยาคุมกำเนิด อายุ ระยะเวลาการใช้ ประวัติสุขภาพส่วนบุคคล และประวัติครอบครัว

ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของมะเร็งเต้านมจากการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน

การศึกษาแบบเมตาอะนาไลซิส (Meta-analysis) ซึ่งเป็นการวิเคราะห์รวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยหลายชิ้น พบว่าผู้หญิงที่ใช้ยาคุมกำเนิดในปัจจุบันหรือหยุดใช้ไปไม่นาน มีความเสี่ยงสัมพัทธ์ (Relative Risk) ต่อการเกิดมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นประมาณ 20-30% เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่ไม่เคยใช้ยาคุมกำเนิดเลย การศึกษาระยะยาวในสหราชอาณาจักร (UK Biobank) ก็ให้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกัน โดยพบว่าความเสี่ยงสัมพัทธ์เพิ่มขึ้นประมาณ 23% สำหรับผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม (Combined Hormonal Contraceptives) และ 26% สำหรับผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดแบบโปรเจสโตเจนอย่างเดียว (Progestogen-only Contraceptives)

ความเสี่ยงนี้ครอบคลุมยาคุมกำเนิดประเภทใดบ้าง?

ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้พบได้ในยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนทุกรูปแบบ ทั้งแบบฮอร์โมนรวม (ที่มีทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน) และแบบโปรเจสโตเจนอย่างเดียว ซึ่งรวมถึง:

  • ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน (Oral Contraceptives): ทั้งแบบฮอร์โมนรวมและแบบโปรเจสโตเจนอย่างเดียว

  • ยาฉีดคุมกำเนิด (Injectable Contraceptives): มักเป็นยาฉีดโปรเจสโตเจน

  • ยาฝังคุมกำเนิด (Implantable Contraceptives): มักเป็นยาฝังโปรเจสโตเจน

  • ห่วงอนามัยชนิดที่ปล่อยฮอร์โมน (Hormonal Intrauterine Device - IUD): มักเป็นชนิดที่ปล่อยฮอร์โมนโปรเจสโตเจน

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยง

  • อายุและระยะเวลาในการใช้: ผู้หญิงที่ใช้ยาคุมกำเนิดเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะก่อนการตั้งครรภ์ครั้งแรก อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ผู้หญิงอายุ 45 ปีขึ้นไปที่ยังใช้ยาคุมกำเนิด อาจมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิงที่หยุดใช้ไปแล้ว

  • ประวัติครอบครัว: ผู้หญิงที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะในญาติสายตรง (แม่ พี่สาว น้องสาว) อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ยาคุมกำเนิด

  • ความเสี่ยงโดยรวม (Absolute Risk): แม้ว่าความเสี่ยงสัมพัทธ์จะเพิ่มขึ้น แต่ความเสี่ยงสัมบูรณ์ หรือโอกาสที่จะเป็นมะเร็งเต้านมจริง ๆ ยังคงต่ำ โดยเฉพาะในผู้หญิงอายุน้อย ตัวอย่างเช่น การศึกษาหนึ่งพบว่า สำหรับผู้หญิงอายุ 35-39 ปี ที่ใช้ยาคุมกำเนิด ความเสี่ยงสัมบูรณ์ที่จะเป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 0.2% ในช่วงเวลา 15 ปี

ผลกระทบชั่วคราว: ความเสี่ยงลดลงเมื่อหยุดใช้

ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนจะค่อย ๆ ลดลงหลังจากหยุดใช้ และหลังจากผ่านไปประมาณ 5-10 ปี ความเสี่ยงจะกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับผู้ที่ไม่เคยใช้ยาคุมกำเนิด

ชั่งน้ำหนักความเสี่ยงและประโยชน์: การตัดสินใจที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

แม้การใช้ยาคุมกำเนิดอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมเล็กน้อย แต่ยาคุมกำเนิดก็มีประโยชน์มากมาย เช่น:

  • การป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพสูง: ยาคุมกำเนิดเป็นหนึ่งในวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

  • ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งรังไข่และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก: การใช้ยาคุมกำเนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบบฮอร์โมนรวม สัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญของมะเร็งทั้งสองชนิดนี้

  • อาจลดความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่: งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่ายาคุมกำเนิดอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ แต่ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผล

  • ประโยชน์อื่นๆ: ยาคุมกำเนิดยังอาจช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน ลดความรุนแรงของสิว และทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ

ดังนั้น การตัดสินใจใช้ยาคุมกำเนิดจึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงและประโยชน์ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินความเสี่ยงส่วนบุคคล ประวัติครอบครัว โรคประจำตัว และปัจจัยอื่น ๆ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

สรุป

การใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยต่อการเกิดมะเร็งเต้านม แต่ความเสี่ยงนี้เป็นเพียงผลกระทบชั่วคราว และจะลดลงหลังจากหยุดใช้ยา ความเสี่ยงสัมบูรณ์ยังคงต่ำ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่อายุน้อยและใช้ยาคุมกำเนิดในช่วงวัยเจริญพันธุ์

การใช้ยาคุมกำเนิดควรเป็นการตัดสินใจร่วมกันระหว่างคุณและแพทย์ โดยพิจารณาจากข้อมูลสุขภาพ ประวัติครอบครัว ความต้องการ และความกังวลของคุณอย่างละเอียด แพทย์จะสามารถให้คำแนะนำและข้อมูลที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ เพื่อให้คุณสามารถเลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด

หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิดและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและข้อมูลที่ถูกต้อง

Commenti


bottom of page