การรับประทานยาต้านฮอร์โมน Tamoxifen ทำให้กระดูกพรุนจริงหรือไม่
ผู้หญิงในช่วงหมดประจำเดือนหรือวัยทองที่ได้รับยาต้านฮอร์โมนอาจสงสัยว่า การรับประทานยาต้านฮอร์โมน Tamoxifen ทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนจริงหรือไม่ นั่นเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ยาต้านฮอร์โมนที่ใช้ในการรักษามะเร็งเต้านมแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1. ยาต้านฮอร์โมนที่ไปออกฤทธิ์ตรงตัวรับฮอร์โมน Tamoxifen เป็นยาที่ใช้ทั้งในกลุ่มผู้หญิงที่มีประจำเดือนและหมดประจำเดือน ยาตัวนี้จะไปออกฤทธิ์ที่ตัวรับฮอร์โมน ตัวยามีโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยจะไปแย่งจับที่ตัวรับฮอร์โมน แต่จะมีความพิเศษกว่ายาตัวอื่นที่สามารถไปจับตัวรับฮอร์โมนในแต่ละอวัยวะและออกฤทธิ์ไม่เหมือนกัน ซึ่งในการรักษามะเร็งเต้านมจะออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการสร้างการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง สำหรับผู้ที่รับประทานยาต้านฮอร์โมน Tamoxifen จะช่วยเสริมสร้างกระดูก ในคนที่มีภาวะกระดูกบางจะช่วยทำให้กระดูกกลับมาดีขึ้น แต่ถ้าหยุดรับประทานยา Tamoxifen เปรียบเหมือนกับคนที่ทาครีมที่หน้าทุกวัน เมื่อหยุดทาครีมก็อาจทำให้ผิวหน้าเหี่ยวกะทันหัน เพราะไม่มีตัวกระตุ้นเหมือนเมื่อเราหยุดใช้ยา Tamoxifen ก็จะทำให้กระดูกบางลงทันทีเพราะไม่มีตัวกระตุ้น
2. ยาต้านฮอร์โมนที่ไปยับยั้งการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจน ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะสร้างมาจากต่อมหมวกไต ยากลุ่มที่เป็น Aromatase inhibitors จะไปยับยั้งเอนไซม์ Aromatase ยาในกลุ่มนี้มีอยู่ 3 ตัว ได้แก่ Letrozole Anastrozole และ Exemestane ยาทั้ง 3 ตัวนี้ จะไปยับยั้งการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจน ถ้าระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ต่ำมากๆ จะมีผลที่ทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนมากขึ้น
ดังนั้นในผู้ป่วยที่รับประทานยา Tamoxifen จึงไม่ต้องกลัวปัญหาเรื่องกระดูกพรุนเพราะการรับประทานยา Tamoxifen กลับทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้น ผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านฮอร์โมน ต้องพิจารณาว่าตัวยาที่แพทย์สั่งให้นั้นเป็น Tamoxifen หรือเป็นกลุ่มยาที่ยับยั้งเอนไซม์ Aromatase ถ้าได้รับยา Tamoxifen ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องของภาวะกระดูกพรุน
เมื่อรับประทาน Tamoxifen เป็นเวลานาน เราควรตรวจติดตามเรื่องใดบ้าง
เมื่อรับประทาน Tamoxifen เป็นเวลานาน มีผลข้างเคียง 2 อย่างที่ต้องเฝ้าระวัง คือ
1. Tamoxifen ไปออกฤทธิ์ที่โพรงมดลูก จะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวมากกว่าปกติ ซึ่งเมื่อเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวมากกว่าปกติ จะทำให้ประจำเดือนมีมากขึ้นมากกว่าปกติ สำหรับผู้ป่วยที่รับประทาน Tamoxifen อาจทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกสูงขึ้น แต่ถ้าเปรียบเทียบกับการลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมจะมีผลมากกว่า
2. การเกิดเส้นเลือดดำอุดตัน หรือที่เรียกว่า Deep Vein Thrombosis เช่น เมื่อเวลาที่ต้องนั่งเครื่องบินนานๆ เมื่อลงมาจากเครื่องบินจะพบว่าขาบวม โดย ทุกๆ ชั่วโมงควรขยับขาหรือลุกขึ้นยืน ทำกิจกรรมต่างๆ เช่นเดียวกันกับตัวยา Tamoxifen จะทำให้เกิดภาวะเลือดแข็งตัวมากกว่าปกติ (ซึ่งพบได้น้อยในคนไทย) ผู้ป่วยที่รับประทานยา Tamoxifen ควรดื่มน้ำมากๆ
รับประทานยา Tamoxifen ทำให้ประจำเดือนหมดไปหรือไม่
มีความเป็นไปได้ทั้ง 2 อย่าง คือ
1. ประจำเดือนอาจไม่มีเลย
2. ประจำเดือนมาปกติ มากะปริบกะปรอย หรือมามากกว่าปกติ สิ่งที่ต้องระวังคือ ถ้าประจำเดือนมามากว่าปกติ ต้องรีบมาปรึกษาแพทย์
ผู้ป่วยบางรายที่รับประทาน Tamoxifen อาจมีอาการเหมือนภาวะวัยทอง คือ รู้สึกซึมเศร้า หงุดหงิด ร้อนวูบวาบ หากมีอาการเหล่านี้ แพทย์อาจให้รับประทานยาฮอร์โมนทดแทนเพื่อลดอาการวัยทอง ซึ่งอาจจะมีผลในเรื่องของมะเร็ง ดังนั้นทางออกที่ดีสำหรับผู้ป่วยที่รับประทาน Tamoxifen แล้วมีอาการวัยทองคือ การออกกำลังกาย ทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง พักผ่อนให้เพียงพอ อาการเหล่นนี้ก็จะค่อยๆ ดีขึ้น