เราเริ่มต้นมองหาที่ใหม่ วนลูปเดิม คราวนี้ทั้งเสริชอินเตอร์เน็ต และวิธีของป๊าของอิหนูเบน คือตระเวณขับรถมองหาป้ายที่ติดให้เช่า แล้วติดต่อไป ……หา หา หา จนเริ่มอ่อนล้า ว่าฝันเราคงจะเป็นไปไม่ได้ เป็นเรื่องยากจริงๆ การทำกิจการสำหรับคนที่ไม่มีทุนหรือธุรกิจเดิมทางบ้านเป็นตัวสนับสนุน จนหมอบั๊กนึกขึ้นมาได้ว่ามีที่ดินอีกที่หนึ่งของญาติ เดิมเป็นโรงเรียนอนุบาลและปิดกิจการไปตามสภาวะทางสังคมการศึกษาหดตัวลง ตอนนี้ทางเจ้าของกำลังเตรียมให้สถาปนิกออกแบบ รีโนเวตให้เป็นบูทิคโฮเทล บั๊กเข้าไปคุยกับญาติว่าเราอยากทำอะไร ฝันของเราคืออะไร เรียกว่าเราช่วยกันร่าย จนคุณปอมเจ้าของโครงการเคลิ้มตามเรา เอาแปลนที่จะทำโรงแรมให้เรามาทำต่อเป็นโรงพยาบาล ที่ดินนี้อยู่บนถนนเพชรบุรีเหมือนเดิม อยู่แถวๆอุรุพงษ์ ด้วยทำเลของถนนเข้าออกลำบากเหมือนกันถึงแม้จะติดถนน เพราะใกล้ทางแยกที่เป็นวันเวย์ มีสะพานลอยข้ามทางแยก แม้แต่เรายังรู้สึกว่ามันเข้าออกยากจริงๆ ต้องอ้อมยูเทิร์นไกลมาก มีดีอย่างเดียว หมอรามามาง่าย ไม่ไกลมาก และเราเริ่มไม่มีทางเลือก
ขณะที่เรากำลังดูเรื่องการปรับแบบเราก็ทำการศึกษา เรื่องการเปลี่ยนโอนชื่อผู้ครอบครอง เนื่องจากที่ดินนี้เป็นที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง เราเจอโจทย์ใหญ่ว่านโยบายที่ดินเช่าของสำนักฯ เปลี่ยนไปจากเดิมมาก โดยเฉพาะการนำพื้นที่มาใช้ในเชิงพาณิชย์ และในแง่เรื่องความมั่นคงระยะยาวว่าเราจะเช่าได้นานเท่าไหร่ ที่ดินจะถูกขอคืนหรือไม่
เรากลับมาสุมหัวกันอีกรอบ เอาไงดี คิดไม่ตก เราแยกย้ายกลับบ้านก่อน เดี๋ยวค่อยมาคิดใหม่ คืนนั้น เกือบเที่ยงคืนหมอนุชใช้ความรู้สึกด้านซิกเซ้นต์ของตัวเองอีกครั้ง ไลน์บอกทีมว่าเราไม่ใช้ที่ดินนี้ดีกว่า หาใหม่ดีกว่า คืนนั้นก็ค้นหาที่ดินต่อ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็พบว่า ฟ้าเค้ากำหนดเรามาแล้ว ได้ที่ดินที่ชอบมา 3-4 ที่ แค๊ปหน้าจอส่งให้ทุกคนดูว่าน่าจะเป็นไปได้เดี๋ยวให้หนูเบนติดต่อพรุ่งนี้ แต่ไม่น่าเชื่อมีแค่แห่งเดียวที่หมอนุชส่งข้อความไปหาและให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ เพราะที่เหลือว่าจะส่งแต่ดึกแล้ว ง่วงนอนขอนอนก่อน หวังว่าพรุ่งนี้เราจะตื่นมาพร้อมกับฝันดี
.....ปล. ผ่านมา1 ปี เราทราบข่าวว่าที่ดินผืนนี้ ก็มีปัญหาดังที่เราคาดจริงๆ ขอบคุณความสามารถพิเศษด้านสัมผัสที่ 6 ของหมอนุช